ตลาดหุ้นต่างประเทศ

ตลาดหุ้นต่างประเทศ โอกาสใหม่ของนักลงทุนไทย

หลายปีมานี้นักลงทุนไทยเริ่มมองไปไกลกว่าเดิม จากเดิมที่คุ้นเคยกับ SET หรือหุ้นไทย ตอนนี้หลายคนหันมาสนใจ ตลาดหุ้นต่างประเทศ มากขึ้น เพราะมันเปิดโอกาสให้เข้าถึงบริษัทระดับโลก เช่น Apple Tesla Google หรือ Microsoft

พูดง่าย ๆ คือคุณสามารถเป็นเจ้าของหุ้นบริษัท ที่คุณใช้สินค้าทุกวันได้จริง โลกการลงทุนตอนนี้ไม่ได้มีแค่ในประเทศอีกต่อไปแล้ว

ตลาดหุ้นต่างประเทศ คืออะไร

ตลาดหุ้นต่างประเทศ คือที่ที่บริษัทในประเทศอื่น นำหุ้นของตัวเองเข้ามาซื้อขาย เช่น ตลาดหุ้นสหรัฐ ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ตลาดหุ้นฮ่องกง หรือตลาดหุ้นยุโรป เราสามารถลงทุนในหุ้นเหล่านี้ ได้ผ่านโบรกเกอร์ที่รองรับการเทรดต่างประเทศโดยเฉพาะ ปัจจุบันการลงทุนในตลาดเหล่านี้ ง่ายขึ้นมาก เพราะมีแอปเทรดที่เชื่อมต่อโดยตรง ไม่ต้องเปิดบัญชีต่างประเทศให้ยุ่งยาก

ทำไมนักลงทุนถึงสนใจ ตลาดหุ้นต่างประเทศ

เพราะมันคือ “โอกาส” ที่ใหญ่กว่าเดิม

  • มีหุ้นระดับโลกให้เลือกมากกว่า
  • มีสภาพคล่องสูง ซื้อขายได้ตลอด
  • มีโอกาสได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าในบางช่วงเวลา
  • ช่วยกระจายความเสี่ยง ไม่ต้องพึ่งพาเศรษฐกิจไทยเพียงอย่างเดียว

ตัวอย่างง่าย ๆ หากเศรษฐกิจไทยชะลอ แต่เศรษฐกิจสหรัฐเติบโต พอร์ตที่มีหุ้นต่างประเทศก็ยังมีโอกาสทำกำไรได้

ตลาดหุ้นต่างประเทศ ที่คนนิยมมากที่สุด

  1. ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา

ถือเป็นศูนย์กลางของการลงทุนโลก มีบริษัทชั้นนำที่ทุกคนรู้จัก เช่น Apple Microsoft Amazon Tesla Google ตลาดที่คนไทยนิยมมากคือ

  • NASDAQ เน้นหุ้นเทคโนโลยี
  • NYSE (New York Stock Exchange) รวมบริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลก

นักลงทุนมักเลือกตลาดนี้ เพราะมีความโปร่งใส สภาพคล่องสูง และข้อมูลเปิดเผยชัดเจน

  1. ตลาดหุ้นฮ่องกง (HKEX)

เหมาะกับคนที่อยากลงทุนในบริษัทจีน เช่น Alibaba Tencent BYD Xiaomi เป็นทางเลือกที่อยู่ใกล้ไทย และเปิดเทรดเร็วกว่าเวลาสหรัฐ

  1. ตลาดหุ้นญี่ปุ่น (TSE)

ตลาดเก่าแก่ที่มั่นคง มีบริษัทดังอย่าง Toyota Sony Nintendo เหมาะกับนักลงทุนที่มองหาหุ้นอุตสาหกรรม และเทคโนโลยีที่มีพื้นฐานดี

  1. ตลาดหุ้นยุโรป

เช่น ตลาดหุ้นลอนดอน (LSE) ตลาดหุ้นเยอรมนี (DAX) เน้นบริษัทกลุ่มพลังงาน สินค้าอุปโภค และอุตสาหกรรมหนัก

ข้อดีของการลงทุนใน ตลาดหุ้นต่างประเทศ

  • เข้าถึงบริษัทระดับโลกที่เราเชื่อมั่น
  • มีโอกาสรับผลตอบแทนจากเศรษฐกิจที่เติบโต
  • กระจายความเสี่ยงออกจากตลาดหุ้นไทย
  • ได้เรียนรู้แนวคิดการลงทุนระดับโลก
  • เทรดผ่านแอปในไทยได้ง่าย ไม่ซับซ้อนเหมือนเมื่อก่อน

ข้อควรระวังก่อนลงทุนใน ตลาดหุ้นต่างประเทศ

  1. ความผันผวนของค่าเงิน
    เวลาลงทุนต่างประเทศ คุณไม่ได้แค่เสี่ยงเรื่องราคาหุ้น แต่ยังต้องเผชิญความผันผวนของค่าเงิน USD หรือสกุลเงินอื่นด้วย
  2. เวลาการซื้อขายต่างกัน
    ตลาดสหรัฐเปิดตอนกลางคืนตามเวลาประเทศไทย ถ้าอยากเทรดแบบเรียลไทม์ ต้องเตรียมเวลาให้ดี
  3. ค่าธรรมเนียมและภาษี
    แต่ละโบรกเกอร์จะมีค่าธรรมเนียมแตกต่างกัน รวมถึงภาษีเงินได้จากต่างประเทศด้วย
  4. ความเข้าใจในข้อมูลต่างประเทศ
    ต้องศึกษาข่าวเศรษฐกิจโลก และทิศทางดอกเบี้ยของแต่ละประเทศ เพราะมีผลโดยตรงต่อราคาหุ้น

เริ่มต้นลงทุนใน ตลาดหุ้นต่างประเทศ

ใครอยากเริ่มตอนนี้ บอกเลยว่าง่ายมาก เพราะโบรกเกอร์ไทยหลายเจ้ามีระบบเชื่อมกับตลาดต่างประเทศโดยตรง

ขั้นตอนง่าย ๆ

  1. เลือกโบรกเกอร์ที่รองรับหุ้นต่างประเทศ
    เช่น Pi Financial Dime InnovestX SCBS หรือ KSecurities
  2. เปิดบัญชีเทรดออนไลน์
    ใช้บัตรประชาชน และบัญชีธนาคาร ยืนยันตัวตนผ่าน e-KYC
  3. โอนเงินเข้าพอร์ต
    บางโบรกเกอร์รองรับการแปลงสกุลเงินอัตโนมัติ เช่น จากบาทเป็นดอลลาร์
  4. เลือกตลาดที่ต้องการลงทุน
    เช่น NASDAQ NYSE หรือ HKEX
  5. เริ่มซื้อหุ้นตัวแรกของคุณได้เลย

กลยุทธ์ลงทุนใน ตลาดหุ้นต่างประเทศ

  1. กระจายการลงทุนหลายประเทศ

อย่าลงทุนในประเทศเดียว เพราะแต่ละประเทศมีปัจจัยเศรษฐกิจต่างกัน เช่น สหรัฐเน้นเทคโนโลยี จีนเน้นอุตสาหกรรม ญี่ปุ่นเน้นยานยนต์

  1. ลงทุนแบบ DCA

ลงทุนรายเดือนเท่ากันทุกครั้ง เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา

  1. ศึกษาปัจจัยเศรษฐกิจโลก

ดูข่าวเรื่องดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อ และเศรษฐกิจสหรัฐหรือจีน เพราะมีผลต่อราคาหุ้นโดยตรง

  1. ใช้ ETF เป็นทางเลือก

ถ้าไม่อยากเลือกหุ้นเอง สามารถลงทุนผ่าน กองทุน ETF ต่างประเทศ เพราะมันรวมหลายหุ้นไว้ในกองเดียว เช่น S&P500 ETF หรือ NASDAQ100 ETF

ภาษีและค่าธรรมเนียมที่ควรรู้

เวลาลงทุนในต่างประเทศจะมีภาษี 2 ส่วนหลัก

  • ภาษีจากกำไรขายหุ้น (Capital Gain)
    ถ้าเทรดผ่านโบรกเกอร์ไทยจะเสียภาษีตามกฎหมายไทย
  • ภาษีจากเงินปันผล (Dividend Tax)
    หุ้นต่างประเทศมักหักภาษี ณ ที่จ่ายก่อน เช่น หุ้นสหรัฐหัก 30%

ส่วนค่าธรรมเนียมเทรดจะอยู่ราว ๆ 0.25% – 0.50% แล้วแต่โบรกเกอร์

แอปที่ใช้เทรด ตลาดหุ้นต่างประเทศ ได้

ตอนนี้ มีหลายแอปที่รองรับ การเทรดหุ้นต่างประเทศโดยตรง

  • Pi Financial
    ลงทุนได้ทั้งหุ้นไทยและหุ้นต่างประเทศในพอร์ตเดียว อินเทอร์เฟซใช้งานง่าย มีกราฟและข่าวครบ
  • Dime by SCB
    มีระบบฝึกเทรดหุ้นต่างประเทศ เหมาะกับมือใหม่ที่อยากเริ่มแบบไม่เสี่ยง
  • InnovestX (จาก KBank)
    รองรับการลงทุนหุ้นทั่วโลก รวมถึงคริปโต และกองทุน
  • SCBS Easy Invest
    เหมาะกับสายลงทุนระยะยาว มีข้อมูลบริษัทแบบละเอียด

เคล็ดลับเลือก ตลาดหุ้นต่างประเทศ ที่เหมาะกับตัวเอง

  • ถ้าชอบเทคโนโลยี → สหรัฐ (NASDAQ)
  • ถ้าชอบอุตสาหกรรม → ญี่ปุ่น เยอรมนี
  • ถ้าชอบหุ้นเติบโตระยะยาว → สหรัฐและจีน
  • ถ้าอยากลงทุนในภูมิภาคใกล้บ้าน → ฮ่องกงหรือสิงคโปร์

เลือกตลาดที่คุณเข้าใจธุรกิจ และสามารถติดตามข่าวได้ง่ายที่สุด

สรุป เพิ่มเติมท้ายบท

ตลาดหุ้นต่างประเทศ ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป ทุกวันนี้นักลงทุนไทย สามารถเข้าถึงตลาดทั่วโลกได้ง่ายและปลอดภัย ไม่ว่าคุณจะอยากลงทุนในหุ้นเทคโนโลยี หุ้นพลังงาน หรือกองทุน ETF ต่างประเทศ ก็ทำได้ทั้งหมดผ่านแอปเดียว

สิ่งสำคัญคือ อย่าลงทุนตามกระแส แต่ให้ลงทุนด้วยความเข้าใจ ศึกษาข้อมูลให้มาก วางแผนระยะยาว และกระจายความเสี่ยงเสมอ ถ้าคุณเริ่มตั้งแต่วันนี้ อีกไม่กี่ปีข้างหน้า พอร์ตของคุณอาจเติบโตไปทั่วโลกจริง ๆ Gocprime

บทความอื่นๆ

หุ้นไทยเบื้องต้น

หุ้นไทยเบื้องต้น คู่มือเริ่มต้นลงทุนสำหรับคนอยากรวยอย่างมั่นคง

หุ้นไทยเบื้องต้น คู่มือเริ่มต้นลงทุนสำหรับคนอยากรวยอย่างมั่นคง ตลาดหุ้นไทยไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เพราะทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่ายมาก ผ่านโ

อ่านต่อ »
หุ้นสำหรับมือใหม่

หุ้นสำหรับมือใหม่ จุดเริ่มต้นของโลกการลงทุน

หุ้นสำหรับมือใหม่ จุดเริ่มต้นของโลกการลงทุน ถ้าพูดคำว่าหุ้น หลายคนอาจนึกถึงภาพคนถือโทรศัพท์กดซื้อขายทั้งวัน หรือหน้าจอที่เต็มไปด้วยตัวเลขสีแ

อ่านต่อ »
เรียนรู้หุ้น

เรียนรู้หุ้น จากศูนย์เริ่มยังไงให้เข้าใจเร็ว

เรียนรู้หุ้น จากศูนย์เริ่มยังไงให้เข้าใจเร็ว คำว่า หุ้น อาจฟังดูซับซ้อนสำหรับคนที่ไม่เคยลงทุนมาก่อน แต่จริง ๆ แล้วการ เรียนรู้หุ้น ไม่ได้ยาก

อ่านต่อ »